วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เขารัง - ทุ่งคากาแฟ

มื้อเย็นของการเดินทางวันแรก เราได้ถึงภูเก็ตแล้ว หลังจากที่แวะโรงแรม (กว่าจะหาเจอ)

เจ้า GPRS ของพี่อู๋พาวนซะรอบเมือง ทางคณะจึงตัดสินใจว่า จะขอล้างหน้าล้างตาก่อน

สลัดใบหน้าหมองคล้ำ พี่จุ๊บขออาบน้ำเลย เพราะร้อนมาทั้งวัน


หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสรรพ

ก็มุ่งหน้าสู่เขารัง ซึ่งบนยอดเขานั้น มีร้านอาหารชื่อดัง

เขารังนั้นเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ อยู่ด้านหลังตัวเมืองภูเก็ต เดิมชื่อ "เขาหลัง"

เพราะเปรียบเสมือนหลังบ้านหรือหลังเมืองของจังหวัดภูเก็ต

เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระยารัษฏาณุประดิษฐ์ อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต

ซึ่งทั้งจั๊บ และ พี่นิ ได้เจอในเว็บท่องเที่ยว

และหนังสือทำอาหารแนะนำไว้ จึงไม่พลาดที่จะขอชิม (แต่ต้องจ่ายเงินนะ)


ว่าจะสมคำโฆษณาสักเพียงไหน



อ่านป้ายแล้วก็การันตีความขลังเชียว เปิดมาตั้ง 37 ปีมาแล้ว (ก่อนผู้เขียนจะเกิดอีก)



เมนูเค้าก็เท่ห์ไม่เบานะครับ ทำเป็นเหมือนกรอบรูปไม้ ตอนแรกผู้เขียนเห็นตั้งกองอยู่บนโต๊ะ

นึกว่าสินค้าโอท๊อป 555+



อันนี้อะไรแล้ว นึกชื่อตั้งนาน กาแฟคาลัวร์ ครับ เป็นกาแฟใส่ไอศรีมช๊อคโคแลตชิพ (มั้ง)

แต่ที่ตัดสินใจสั่งคือ ใส่เหล้าด้วยครับ หึหึ




อันนี้คือ ชาร้อนครับ ที่นี่เค้าเรียกกันว่า "เซล๊อง"



ไก่ต่อใบเตย (พี่สาวแอบกระซิบว่า ไม่อร่อยเลย)



ปลากระบอกต้มขมิ้น



ผักเหลียงผัดวุ้นเส้น



ปลามงนึ่งมะนาว



มาถึงภูเก็ตทั้งที ต้องทานอาหารขึ้นชื่อสักหน่อย "น้ำพริกกุ้งเสียบ"



ตบท้ายด้วย ของหวาน กล้วยหอมชุบแป้งทอด

เสริฟพร้อมน้ำจิ้มคาราเมลร้อน ๆ หอม ๆ หวาน ๆ



อนุสาวรีย์พระยารัษฏาณุประดิษฐ์



ฮัลโหล ฮัลโหล ที่นี่เขารัง ทราบแล้ว.........เปลี่ยน



ห้องเตียงเดี่ยวโรงแรมอรนิชา ราคา 700 บาท (โดยประมาณ) ก็ดูดีนะครับ

ผู้เขียนยืนยันว่า สภาพโรงแรม สะอาด บรรยากาศดี ห้องก็น่าอยู่ ตกแต่งเริศ


ไม่เชื่อก็ดูจากรูปเอาเอง



ห้องน้ำก็ดีนะครับ ถือว่าเกินคาดกว่าที่คิดไว้ ตอนแรกคิดว่าสภาพจะเหมือนเกสท์เฮาส์ทั่วไป

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ท่าปอมคลองสองน้ำ

อยู่ที่ ต.เขาคราม เนื่องจากเป็นมือใหม่ และสถานที่ตั้งไม่ได้อยู่ริมถนนหลัก

ทำให้การเดินทางไปถึงจุดหมาย ณ.ที่แห่งนี้ค่อนข้างทุลักทุเล


อาศัยถามทางจากร้านรวงข้างทาง

ชาวบ้านแถวนั้นน่ารักมากครับ ไม่รีรอที่จะบอกเส้นทางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้รู้สึกประทับใจกับการหลงทางครั้งนี้มาก

เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าท่าปอมคลองสองน้ำ เป็นเส้นทางสายสั้น ๆ


เป็นสะพานไม้ยกระดับที่มั่นคง

ระยะทางเพียง 700 เมตร เท่านั้นครับ ใช้ระยะเวลาเดินราว 45 นาที

ท่าจะเพลิดเพลินกับป่าไม้ ลำธารที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายข้างล่าง

เงยหน้าขึ้นไปไกล ๆ ก็จะเห็นภูเขาเขียวขจี เหมาะสำหรับท่านที่ชอบธรรมชาติอย่างแท้จริง

น้ำในคลองนี้ เป็นน้ำเค็มและน้ำจืดไหลมาบรรจบกัน น้ำทะเลซึ่งเป็นน้ำเค็ม


มีความหนาแน่นมากกว่า จึงไหลอยู่ใต้น้ำจืด

เจ้าหน้าที่แอบกระซิบเรามาว่า ถ้าอยากเห็นน้ำขึ้นเต็มที่ ให้มาในวันขึ้น 1-2-3 ค่ำ

เวลา 10 โมงเช้า

เปิดทำการเวลา 8.00-17.00 ค่าเข้าชม เด็ก 5 บาท ผู้ใหญ่ 10 บาท




แผนผังของทางเดิน พี่เจ้าหน้าที่บอกเราว่า บริเวณทางเดินมีจุดหนึ่งที่เป็นรูป 6 เหลี่ยม

เป็นสัญลักษณ์ว่าจุดนั้นเป็นจุดที่น้ำเค็มไหลมาบรรจบกับน้ำจืด


เรียกว่าเป็นจุดนัดพบของคลองสองน้ำเลย





เดินไปยังไม่ถึง 10 เมตร คณะก็เจอกับต้นไม้ที่ล้มครับ แต่เค้าไม่ผลักไปไว้ข้างทาง

ผู้เขียนเจอดอกอะไรไม่ทราบ เต็มไปหมด สอบถามภายหลังถึงทราบว่า


มันเป็นดอกของต้น "ชมพู่น้ำ"











ธารสวย น้ำใส จริง ๆ ใช่ป่ะครับ



ทัศนีย์ภาพรอบ ๆ เต็มไปด้วยภูเขาและป่าไม้



สภาพทางเดินครับ

มั่นใจได้ว่ารองรับน้ำหนักอันหนักหน่วงของนักท่องเที่ยวขาใหญ่ได้สบายมาก



และแล้วก็ถึงเส้นชัย



บอกลาท่าปอม มุ่งสู่ภูเก็ต (ต้องผ่านพังงาก่อนนะ)

แวะปั้มที่พังงา โอยขอบอกว่า ชอบจังหวัดนี้มาก ขับไปไหนก็เจอแต่เขา เขา และเขา




ปั้มริมเขา



เขาอีกแล้ว เสียดายที่อยู่บนรถ ที่ใต้ของเขานี้มีฮวงซุ้ยครับ

(แอบซุบซิบว่าสงสัยเป็นของตระกูลดัง)

ก็เล่นสร้างอยู่ริมถนนใหญ่ แถมทำเลดีอีกตะหาก ป้ายก็ทำจากหินอ่อนสวยงาม)


ภารกิจต่อไป เจอกันที่เขารัง ภูเก็ต

หาดนพรัตน์ธารา

เดิมชาวบ้านเรียกว่า "หาดคลองแห้ง" เป็นชายหาดที่มีความยาวเกือบ 3 กิโลเมตร

หาดทรายที่ยาวลงไปจนถึงเกาะเขาปากคลอง เปรียบเสมือนว่าเราสามารถเดินเท้าเปล่าข้ามทะเล

ไปยังอีกเกาะนึงได้เลยครับ และที่นี่เองเป็นจุดที่เราวางแผนไว้ว่าจะมาทานอาหารกลางวันที่นี่

(แม้ว่าตอนที่มาถึงจะเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้วก็ตาม)

ลงจากที่จอดรถได้ ด้วยอดใจกับภาพหาดทรายและลมพัดที่มาจากทะเลไม่ไหว

แม้จะหิวไส้ขาด ก็ขอเดินไปกดชัตเตอร์สัก 3 ภาพ ก่อน






รอยดำ ๆ ที่หาดทรายที่คุณเห็นก็คือพื้นทรายภายหลังน้ำลดนะครับ

จะเห็นได้ว่ายาวไปจนถึงเกาะที่อยู่ใกล้ ๆ เลย





มื้อนี้ เราจะมาฝากท้องกันที่นี่ครับ "ครัวธารา" ดูสภาพจากหน้าร้านตกแต่งน่ารักดี

มีต้นไม้ ดอกไม้ด้วย พอเข้าไปก็สะอาดดีครับ (แอบกระซิบก่อนว่าอาหารก็อร่อย)



บรรดากล้วยไม้ที่ทางร้านนำมาตกแต่งฝาผนัง ถึงแม้ว่าจะดูไม่ค่อยเป็นระเบียบสักเท่าไหร่

แต่เนื่องด้วยเจ้าของบล๊อคก็เป็นคนนึงที่รักกล้วยไม้เป็นชีวิตจิตใจ จึงให้ 10 คะแนนเต็มไปเลย

เนื่องจากหิวจนตาลาย ทำให้การถ่ายภาพอาหารบางอย่าง อาจจะไม่ทันนะครับ

(คือแร้งลงก่อน กว่าจะนึกขึ้นได้ก็เกือบหมดจาน)




ปลากระบอกต้มส้ม รสเด็ด เปรี้ยว หวาน กลมกล่อมมากครับ (โดยส่วนตัวไม่ชอบทานปลานะ)

แต่มื้อนี้ยกให้เลย




ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาวครับ (ถ่ายไม่ทันนะ) รสชาติดีนะครับ เสียตรงที่ว่า ปกติเวลาไปทานที่อื่น

ไข่ปลาหมึกจะเต็มท้องและแน่น แต่ที่นี่ดูไม่ค่อยเต็มตัวสักเท่าไหร่ แต่รสชาติเยี่ยมมากครับ




สภาพหลังสงครามใกล้สิ้นสุดครับ อันประกอบด้วย ปลาทรายทอดกรอบ กินได้ทั้งตัวเลย

เพิ่มแคลเซี่ยม ไข่เจียวกุ้งสับ และ ผัดผักเหลียงครับ (อร่อยมากและหาทานได้ยากเช่นกัน)



ตบท้ายด้วย หมูแดดเดียวครับ รสชาติกลมกล่อม (เออ สรุปแล้วอร่อยทุกอย่าง)

ไม่ได้หิวจนตาลายนะ อร่อยจริง ๆ

กินเสร็จแล้วเช็คบิล ก็สะพายกล้อง จ้องจะถ่ายแต่คนเดียว


(ไม่ได้เหลือบไปมองพี่ ๆ เลยว่าเดินตามมาหรือเปล่า)

ส่วนตัวจั๊บอยากเดินไปให้ถึงเกาะตรงหน้าครับ)




ถ่ายให้เห็นชัด ๆ กับจุดหมายปลายทางข้างหน้าของจั๊บ



ใกล้เข้ามาแล้วครับ



ด้านขวามือของผม



เย้ๆๆ ถึงจุดหมายแล้วครับ จริง ๆ ก็เป็นเกาะหินปูนธรรมดาเอง มีเปลือกหอยทับถมกันเป็นชั้น ๆ





บริเวณรอบ ๆ เกาะ







ถ่ายจากด้านหลังเกาะซึ่งเริ่มจะมีน้ำเจิ่ง ๆ แล้ว คิดว่า น่าจะเดินไปเกาะด้านหลังได้อีก

เพราะว่าผู้เขียนเห็นว่ายังมีฝรั่งเดินอยู่แถวเกาะถัดไป (ในรูปสุดท้ายอยู่เลย)


น้ำก็แค่ประมาณน่องอ่ะ แต่ขี้เกียจแล้ว เพราะพี่สาวที่อยู่ที่หาดโทรมาตามแล้ว

เพราะว่าเราต้องไป ท่าปอม คลองสองน้ำต่อ



โขดหินของเกาะ คิดว่าน่าจะเป็นเปลือกหอย



อันนี้ถ่ายจากเกาะไปยังชายหาด กว้างม๊ากๆๆๆ

เจอกันใหม่ที่ท่าปอม

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

น้ำตกร้อนสะพานยูง(น้ำตกร้อนคลองท่อม) Hot Spring

อยู่บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว

อ.คลองท่อม จ.กระบี่

บริเวณน้ำตกนี้เป็นป่าที่ราบต่ำสุดท้ายของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า


ระบบนิเวศน์บริเวณนี้มีความสมบูรณ์

น้ำตกแห่งนี้มีความพิเศษจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสร้าง สายน้ำจะมีความร้อน

กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ อุณหภูมิประมาณ 40-42 องศาเซลเซียส

ซึ่งเหมาะแก่การเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ โดยรอบจะปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจีร่มรื่น

อากาศเย็นสบาย สำหรับท่านที่ต้องการความอบอุ่นและการบำบัดความเมื่อยล้า

เกี่ยวกับโรคทางผิวหนังสถานที่แห่งนี้สามารถช่วยบันเทาได้บ้าง

ลักษณะลักษณะสายน้ำไหลลดหลั่นผ่านเป็นชั้นๆ ผ่านหินปูนถัดลงมาเป็นระยะ

เหมาะแก่การลงแช่น้ำพร้อมชมทิวทัศน์ที่สวยงามไปพร้อมๆ กันด้วย


ธารน้ำร้อน (บริเวณนี้ห้ามเล่นน้ำ)











บริเวณนี้เราจอง





น้ำตกร้อนไหลลงสู่คลองท่อม



น่าจะเป็นป้ายบอกปริมาณแร่ธาตุ



อยากน่ารัก



บางคนเชื่อว่า น้ำพุร้อนจะช่วยคืนความหนุ่มสาวให้แก่ผู้ที่ได้อาบหรือแช่



บริเวณอีกด้านนึงของน้ำตกร้อน จะเป็นบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง สามารถลงไปแช่ตัวได้เหมือนกัน

เหมาะสำหรับผู้ที่อยากหลีกหนีความพลุกพล่านของอีกด้านที่มีทั้งบ๊อกเซอร์ บิกินนี และ จีสตริง



เต่าร้างเป็นพืชตระกูลปาล์ม นิยมปลูกไว้เพื่อความสวยงาม



เป็นที่ระลึกว่าพวกเราได้มาถึงที่นี่แล้ว